ตำนานเทพและวิธีบูชา > ตำนานพระแม่กาลี

ตำนานพระแม่กาลี

พระแม่อุมาเทวี(หรือพระแม่ปราวตี)  เป็นชายาคู่บารมีของพระศิวะมหาเทพ (หนึ่งในสามของเทพสูงสุดแห่งจักรวาล อันได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ)

พระแม่กาลี หรือเจ้าแม่กาลี เป็นปางอวตารอีกภาคหนึ่งของพระแม่อุมาเทวี พระนางมีวรกายสีดำ มีพระพักตร์ที่ดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ดูดุดัน เกรี้ยวกราด ริมฝีปากมีหยดเลือดเป็นทางยาว แลบลิ้นสีแดงยาว มีสิบพระกร ถือศาสตราวุธทรงอนุภาพในทุกพระกร มีหัวกะโหลกร้อยประดับเป็นสร้อยสังวาลย์ ทรงอวตารมาเพื่อกำหราบเหล่าอสูร ปีศาจ และมนุษย์ที่ชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง และด้วยที่พระองค์เป็นถึงมหาเทวี จึงทรงมีอิทธิฤทธิ์อย่างมหาศาลในการพิชิตสิ่งชั่วร้าย จนกลายเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าอสูรเป็นอันมาก ที่ใดมีมหาเทวีปรากฏขึ้น ที่นั่นมักจะนองไปด้วยเลือดของเหล่าอสูร

ทำไมต้องบูชาพระแม่กาลี

ทำไมต้องบูชาพระแม่กาลี

ปัจจุบันมีผู้ศรัทธาที่มบูชาพระแม่กาลีเป็นอันมาก โดยเฉพาะผู้ศรัทธาที่เป็นผู้หญิง เพราะจะมีความเชื่อกันว่าพระแม่กาลีเป็นมหาเทวีผู้ทรงฤทธิ์ที่สุดในบรรดาเทพีทั้งมวล พระองค์ทรงเป็นเหมือนตัวแทนของสตรีผู้มีความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง ที่พร้อมจะเผชิญและเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง

พระแม่กาลีแม้จะดูมีลักษณะที่ดุร้าย เกรี้ยวกราด ซึ่งล้วนเต็มไปด้วยความน่ากลัว พระองค์ก็จะทำลายเฉพาะเหล่าปีศาจ อสูร หรือสิ่งชั่วร้ายเท่านั้น แต่พระองค์เป็นเทพีผู้พิทักษ์และดูแลปกปักรักษาผู้ทำความดีที่ศรัทธาในพระองค์ทุกๆคน

หากผู้ศรัทธาอยู่ในศีลในธรรมและคอยสวดมนต์บูชาสรรเสริญพระองค์อยู่เป็นประจำ พระแม่กาลีก็จะประทานพรให้พบกับความสงบสุข ความสำเร็จและสมปรารถนาในทุกๆสิ่ง ทั้งเรื่องของโชคลาภ ความร่ำรวย อำนาจวาสนาบารมี ปลอดภัยจากโรคร้ายรวมทั้งอุบัติเหตุและภยันตรายทั้งปวง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าการบูชาพระแม่กาลี จะช่วยปัดเป่ามนต์ดำหรือขจัดคุณไสยทั้งหลายมิให้กร้ำกรายทำร้ายคนในครอบครัว เพราะอิทธิฤทธิ์ของพระองค์จะเป็นที่เกรงกลัวต่อเหล่าปีศาจหรือวิญญาณร้ายต่างๆ

ตำนานที่มาของพระแม่กาลี

ตำนานที่มาของพระแม่กาลี

มีอยู่กาลหนึ่งที่พระศิวะได้อวตารมายังโลกมนุษย์ในภาคของ “มุนีภพ” เป็นชายหนุ่มไว้หนวดเครารุงรังดูซอมซ่อ แต่งกายปอนๆด้วยเศษผ้าเก่า มีกระดูกร้อยเชือกเป็นสร้อยคอ กลิ่นตัวเหม็นสาบ ชอบนอนในป่าช้าหรือสถานที่วิกเวก (พระองค์มีความตั้งพระทัยเพียงแค่จะบำเพ็ญตบะบารมีเท่านั้น) แต่ก็ได้มีหญิงสาวนามว่า พระนางสติ เป็นพระราชธิดาของพระทักษะประชาวดี ได้มาพบและเกิดเห็นในนิมิตเห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของ มุณีภพ เป็นภาคอวตารของพระศิวะ พระนางจึงตกหลุมรักและขอเป็นภรรยาคอยรับใช้มุนีภพตั้งแต่นั้นมา

ฝ่ายพระบิดา แม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็มิได้ขัดเคืองใดๆ แต่มีวันหนึ่ง พระทักษะประชาวดีได้จัดทำพิธียัญกรรม และได้เชิญแขกมากมายทั้งบนโลกมนุษย์และสวรรค์ชั้นฟ้าให้มาร่วมในพิธี แต่!มิได้เชิญมุณีภพ เนื่องจากไม่พอใจในภาพลักษณ์ที่ซอมซ่อของชายหนุ่มผู้นี้ เมื่อพระนงสติได้ทราบเรื่อง จึงทูลขอพระบิดาเพื่อให้มุนีภพเข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย แต่ท้ายที่สุดพระบิดาก็ไม่ยินยอม พระนางสติเลยตัดสินใจกระโดดเข้ากองไฟปลิดชิวิตของตัวเองเพื่อเป็นการรักษาเกียรติของสามี

เมื่อพระศิวะทราบว่าพระนางสตีสิ้นชีพไปแล้ว จึงเกิดเสียพระทัยและพิโรธอย่างมากจนสั่นสะเทือนไปทั่วจักรวาล จิตที่พิโรธนี้จึงก่อเกิดเป็นพระแม่กาลีขึ้นมา(เรียกว่า “ภัทรกาลี”) และนอกจากนี้พระศิวะก็ยังดึงปอยผมของพระองค์ออกมา แล้วเสกให้เป็นอสูรหนุ่มหน้าตาหน้ากลัวและดุดันนามว่า “วีรภัทร” และพระศิวะก็ได้บัญชาให้อสูรวีรภัทร์ไปตัดพระเศียรพระเจ้าทักษาปชาวบดีที่ดูหมิ่นเทวีสตีจนพระนางต้องเผาไหม้ตัวเอง 

หลังจากนั้น พระศิวะจึงนำร่างของพระนางสตีที่กำลังมอดไหม้ออกไป พระศิวะยังจมอยู่ในความเสียใจไม่สามารถตัดใจจากพระชายาได้ พระวิษณุเห็นดังนั้นจึงใช้กงจักรทำลายร่างของพระนางเสียเพื่อดึงให้พระศิวะกลับมามีสติกลับคืนมา นอกจากนี้ภัทรกาลีก็ได้สูญสลายไป เพื่อไปถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง (กลายมาเป็นร่างอวาตารของพระแม่ปวารตีภายหลัง)

ตำนานการกำเนิดใหม่ของพระแม่กาลี

ตำนานการกำเนิดใหม่ของพระแม่กาลี

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ราชาอสูรชั่วร้ายสองพี่น้องนาม “สุม” และ “นิสุม” ได้ก่อกรรมทำบาป รุกรานทำร้ายผู้คน จนกระทั่งถึงเขตสวรรค์แดนไกรลาศ แม้อินทราชและเหล่าเทพเทวดาก็สามารถหาต้านทานได้ไม่ นั่นเพราะทั้งสองอสุรเคยได้รับพรอันเป็นเกราะป้องกันตนจากพระพรหม แม้พระศิวะก็ยังทำลายไม่ได้ เพราะพรนั้นกำหนดไว้ว่า ไม่มีผู้ชายคนใดสามารถฆ่าได้อสูรทั้งสองได้ ยกเว้นสตรีที่มีอำนาจอิทธิฤทธิ์บารมีเหนือผู้ใดในจักรวาล

พระแม่ปราวตีจึงออกตัวขอไปปกป้องด้วยตัวพระองค์เอง และจึงได้ปลุกพลังอันเกรี้ยวกราดภายในอวตารเป็นพระแม่กาลีอีกครั้ง

ตำนานพระแม่กาลีเหยียบอกพระศิวะ

ตำนานพระแม่กาลีเหยียบอกพระศิวะ

ครั้งหนึ่งที่พระแม่กาลีต้องอวตารมาปราบอสูรนาม “มาธุอสูร” แต่ก็ไม่สามารถฆ่าอสูรตนนี้ได้ เพราะอสูรตนนี้เคยได้รับพรจากพระศิวะมหาเทพ(พระสวามีของพระองค์เอง)ให้มีชีวิตเป็นอมตะ ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ และหากเลือดของอสรูนี้ตกถึงพื้นเมื่อได้ หยดเลือดก็จะกลายเป็นอสูรอย่างไม่สิ้นสุด ร้อนถึงพระศิวะที่ต้องมาหาทางแก้ จึงได้แนะนำให้พระแม่กาลีเมื่อสังหารอสูรแล้ว ให้รีบกินเลือดเสียจนหมด อย่าให้ตกสู่พื้น และเมื่อพระแม่ได้ทำตามคำแนะนำ จึงสามารถฆ่าอสูรได้ในที่สุด

หลังจากกำหราบอสูรได้แล้ว พระนางทรงดีพระทัย กระโดดโลดเต้นไปมา ด้วยพลังอำนาจและตบะที่แรงกล้า จึงส่งผลให้พื้นพสุธาสั่นสะเทือน เกิดความเดือนร้อนต่อสรรพชีวิตทั้งหลาย ครั้นพระศิวะมหาเทพจะห้ามปรามก็ไม่กล้า เลยยอมนอนลงและเอาพระวรกายของพระองค์รองรับพระบาทของพระแม่กาลีแทน พระแม่กาลีเมื่อกระทืบพระบาทต่อไปได้สักพัก จึงเริ่มรู้ตัวว่ากำลังเหยียบอยู่บนร่างของพระสวามีอยู่ จึงรู้สึกผิดเป็นอันมาก และได้กลายร่างกลับเป็นพระแม่อุมาเทวีเหมือนดังเช่นเดิม (จึงเป็นที่มาของรูปปั้นพระแม่กาลีเหยียบอกพระศิวะ)

เคล็ดลับวิธีบูชาพระแม่กาลี

สำหรับผู้ที่ประพฤติดี หากบูชาพระองค์อย่างสม่ำเสมอ พระองค์จะบันดาลให้มีความแข็งแกร่ง กล้าหาญ มีอำนาจบารมีเหนือศัตรู เอาชนะอุปสรรคขวางหนามที่ผ่านเข้ามา รวมทั้งโชคลาภ นอกจากนี้ ตามความเชื่อของคนไทย เชื่อกันว่าพระแม่กาลีมีพลังอำนาจในการขจัดมนต์ดำ อาถรรพ์ คุณไสยหรือสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้อีกด้วย

พระองค์ทรงโปรดการถวายไฟหรือการอารตาไฟเป็นอันมาก รวมทั้งโปรดปรานสิ่งที่เป็นสีแดง(ตามตำนานกล่าวว่า สีแดงคือตัวแทนของโลหิตของเหล่าอสูรหรือความชั่วร้าย) ดังนั้นของถวายที่ใช้ในการบูชา เราขอแนะนำของถวายต่างๆดังนี้

***หมายเหตุ***

พระองค์ทรงโปรดการถวายไฟหรือการอารตาไฟเป็นอันมาก รวมทั้งโปรดปรานสิ่งที่เป็นสีแดง(ตามตำนานกล่าวว่า สีแดงคือตัวแทนของโลหิตของเหล่าอสูรหรือความชั่วร้าย) ดังนั้นของถวายที่ใช้ในการบูชา เราขอแนะนำของถวายต่างๆดังนี้

บทสวดถวายพระแม่กาลี (สวดเช้าเย็น)

โอม ศรี มหากาลิกาไย นะมะฮา (3 จบ)


โอม เจมาตากาลี

โอม สตี เยมา ตา กาลี

โอม ศรี มหากาลี มาตา นมัช

พระแม่กาลีปราบอสูร

พระแม่กาลีเหยียบอกพระศิวะ

วิหารพระแม่กาลี


พุทธศิลป์ดินศิลา

บจก. คอสติค อินเตอร์เนชั่นแนล
461/1-3 ซ.แก้วฟ้า ถ.สี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

 089-7623334
 admin@dinsila.com

    Line ID: @dinsila

Copyright 2020.  All rights reserved.